Thursday, February 26, 2009

ไปที่ไหน เขาก็ว่า เภสัชกร หลบอยู่ในห้องยา

เภสัชกรได้แค่จ่ายยา
สั่งยา
จัดยา
จ่ายยา
ซื้อยา

หากเภสัชกร คนไหน ไปบริบาลผู้ป่วย
กลายเป็นเรื่องแปลกไป

แม้แต่ งานเภสัชกรรมคลินิก
ส่วนใหญ่ก็เป็นกิจกรรมด้านยา
ม่ใช่การบริบาลผู้ป่วย ตื่นเสียทีเถอะครับ พี่น้่อง

การทำงานของเภสัชกร
ต้องบริบาลผู้ป่วย ต้องมีผลงาน
ทำให้ผลลัพธ์การรักษาของผู้ป่วยดีขึ้น

Sunday, February 22, 2009

การเริ่มต้นบริบาลผู้ป่วย

ขั้นแรก
ควรเริ่มจาก จิดใจที่รักการบริบาลผู้ป่วย
และศึกษาหาความรู้ที่จำเป็นในการดูแลผู้ป่วย

โดยรู้เรื่องโรคและยา

ขั้นสอง

พัฒนาทักษะการอ่านงานวิจัย และ ศึกษาเข้าใจโลกผู้ป่วย สังคม วัฒนธรรม

ขั้นสาม
เรียนรู้วิธีแก้ปัญหาให้ผู้ป่วย แก้ปัญหาด้านยา
และพัฒนาเทคเนิคเฉพาะของตนเอง
เรียนรู้การทำวิจัยแบบต่างๆ

Tuesday, February 3, 2009

จุดสำคัญเรื่องยา

แต่เดิมเภสัชกร จะเน้นจ่ายยาให้ถูก ตามหลัก 5 R
ทำให้ละเลยงานอื่นๆ
เช่น
  1. การให้คำปรึกษาและแนะนำเพื่อเพิ่มความร่วมมือในการใช้ยา
  2. การเฝ้าระวังการใช้ยา ลดโอกาสเกิด Adverts Events
  3. การทบทวนความเหมาะสมในการสั่งยา
ยาที่จำเป็น ที่ช่วยเพิ่ม survival ผู้ป่วยต้องไ้ด้ยา ด้วย
แพทย์ต้องสั่งยาจำเป็นครบ ไม่ใช่้แค่ ไม่สั่งยาผิด

ได้แก่ยา simvastatins aspirin หรือ beta blocker ในผู้ป่วยโรคหัวใจขาดเลือด

ดังนั้น งานเภสัชกร จะมีคุณค่าเพราะช่วยเพิ่ม อัตราการรอดชีวิตของผู้ป่วย

ไอเดียอื่นๆ ก็ คือ แก้ปัญหาผู้ป่วย non compliance เพื่อช่วยให้อัตราการตายของผู้ป่วยลดลงได้
มีเภสัชกร เคยลดอัตราการเสียชีวิตได้ถึงร้อยละ 41


โปรดฟังอีกครั้ง
  • การให้คำปรึกษาและแนะนำเพื่อเพิ่มความร่วมมือในการใช้ยา
จำเป็นเนื่องจาก หาก compliance ไม่ดี ัตราการเสียชีวิตคนไข้จะสูงขึ้น


  • การเฝ้าระวังการใช้ยา ลดโอกาสเกิด Adverts Eventsการทบทวนความเหมาะสมในการสั่งยา
ช่วยป้องกันอันตรายจากยา และ ADR หลายครั้งก็ทำให้เกิดปัญหา non compliance

  • การทบทวนความเหมาะสมในการสั่งยา
นี่ก็เรื่องสำคัญที่หลายคนไม่กล้าเตะต้อง เนื่องจากเกรงใจหมอ

ถืว่าผิดจรรยาบรรณ์
เนื่องจาก เป็นการละเมิดสิทธิผู้ป่วย

ยาหลายชนิด หากใช้แล้ว ทำให้มีอัตราการรอดชีวิตสูงขึ้นชัดเจน

แต่แพทย์ ไม่ยอมสั่งเพราะไม่มีความรู้ หรือดื้อแพ่งก็ได้


การปล่อยไป ทำให้คนตายมากขึ้น ผิดชัดเจน